เมนู

เดือดร้อนทั้งปวง อกุสลาภิสังขารทั้งปวง พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าเป็น
ผู้คงที่ เพราะอรรถว่า พ้นแล้วอย่างนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกซึ่งธรรม
นั้น ๆ อย่างไร ? พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออก
ว่า เป็นผู้มีศีล ในเมื่อศีลมีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า เป็น
ผู้มีศรัทธา ในเมื่อศรัทธามีอยู่. ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า
เป็นผู้มีวิริยะ ในเมื่อวิริยะมีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า
เป็นผู้มีสติ ในเมื่อสติมีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า เป็น
ผู้มีสมาธิ ในเมื่อสมาธิมีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า เป็น
ผู้มีปัญญา ในเมื่อปัญญามีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า
เป็นผู้มีวิชชา 3 ในเมื่อวิชชามีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกว่า
เป็นผู้มีอภิญญา 6 ในเมื่ออภิญญามีอยู่ ชื่อว่าเป็นผู้คงที่เพราะทรงแสดง
ออกว่า เป็นผู้มีพละ 10 ในเมื่อพละมีอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าเป็น
ผู้คงที่เพราะทรงแสดงออกซึ่งธรรมนั้น ๆ อย่างนี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ไม่อาศัย ผู้คงที่.

ว่าด้วยวัตถุแห่งความหลอกลวง 3 อย่าง


[897] ชื่อว่า ผู้ไม่ทรงหลอกลวง ในคำว่า ผู้ไม่หลอกลวง
ผู้มาเป็นพระคณาจารย์
มีอธิบายว่า วัตถุแห่งความหลอกลวง 3 อย่าง คือ
วัตถุแห่งความหลอกลวงกล่าวด้วยการซ่องเสพปัจจัย 1 วัตถุแห่งความ
หลอกลวงกล่าวด้วยอิริยาบถ 1 วัตถุแห่งความหลอกลวงกล่าวด้วยการพูด
เลียบเคียง 1.

วัตถุแห่งความหลอกลวงกล่าวด้วยการซ่องเสพปัจจัยเป็นไฉน ?
พวกคฤหบดีในโลกนี้ ย่อมนิมนต์ภิกษุด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ภิกษุนั้นมีความปรารถนาลามก อันความ
ปรารถนาครอบงำ มีความต้องการด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ
และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร อาศัยความเป็นผู้อยากได้มาก ย่อมบอกคืน
จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร พูดอย่างนี้ว่า
ประโยชน์อะไรแก่สมณะด้วยจีวรมีค่ามาก การที่สมณะเที่ยวเลือกเก็บ
ผ้าเก่าจากป่าช้า กองหยากเยื่อ หรือร้านตลาด แล้วทำสังฆาฏิใช้ เป็น
การสมควร ประโยชน์อะไรแก่สมณะด้วยบิณฑบาตมีค่ามาก การที่สมณะ
สำเร็จความเป็นอยู่ ด้วยก้อนข้าวที่ได้มาด้วยปลีแข้ง โดยความประพฤติ
แสวงหา เป็นการสมควร ประโยชน์อะไรแก่สมณะด้วยเสนาสนะมีค่ามาก
การที่สมณะอยู่โคนต้นไม้ อยู่ที่ป่าช้า หรืออยู่ที่แจ้ง เป็นการสมควร
ประโยชน์อะไรแก่สมณะด้วยคิลานปัจจัยเภสัชบริขารมีค่ามาก การที่สมณะ
พึงทำยาด้วยน้ำมูตรเน่าหรือชิ้นลูกสมอ เป็นการสมควร ภิกษุนั้นอาศัย
ความเป็นผู้อยากได้มาก จึงทรงจีวรที่เศร้าหมอง ฉันบิณฑบาตที่
เศร้าหมอง ซ่องเสพเสนาสนะที่เศร้าหมอง และฉันคิลานปัจจัยเภสัช-
บริขารที่เศร้าหมอง พวกคฤหบดีเห็นภิกษุนั้นแล้ว ย่อมทราบอย่างนี้ว่า
สมณะนี้เป็นผู้มีความปรารถนาน้อย สันโดษชอบสงัด ไม่คลุกคลีด้วย
หมู่คณะ ปรารภความเพียร มีวาทะกำจัดกิเลส ก็ยิ่งนิมนต์เธอด้วยจีวร
บิณฑบาตเสนาสนะคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ภิกษุนั้นก็กล่าวว่า เพราะ
ประกอบด้วยเหตุ 3 ประการ กุลบุตรผู้มีศรัทธา ก็ประสบบุญมาก คือ
เพราะประจวบด้วยศรัทธา 1 เพราะประจวบด้วยไทยธรรม 1 เพราะ

ประจวบด้วยทักขิไณยบุคคล 1 ท่านทั้งหลายมีศรัทธานี้อยู่ มีไทยธรรมนี้
อยู่ ทั้งอาตมาก็เป็นปฏิคาหก (ผู้ทักขิไณยบุคคล) ถ้าอาตมาจักไม่รับ
ท่านทั้งหลายก็จักเสื่อมจากบุญไป อาตมาไม่มีความต้องการด้วยปัจจัยนี้
ก็แต่ว่าอาตมาจะรับด้วยความอนุเคราะห์ท่านทั้งหลาย จำเดิมแต่นั้น ภิกษุ
นั้นก็รับจีวรมาก รับบิณฑบาตมาก รับเสนาสนะมาก รับคิลานปัจจัย-
เภสัชบริขารมาก ความทำหน้ายู่ยี่ ความเป็นผู้มีหน้ายู่ยี่ ความหลอกลวง
กิริยาที่หลอกลวง ความเป็นผู้หลอกลวง เห็นปานนี้ เรียกว่า วัตถุแห่ง
ความหลอกลวงกล่าวด้วยการซ่องเสพปัจจัย.

วัตถุแห่งความหลอกลวงกล่าวด้วยอิริยาบถเป็นไฉน ? ภิกษุบาง
รูปในธรรมวินัยนี้ มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ
มีความประสงค์ในการยกย่อง คิดว่า ประชุมชนจักยกย่องเราด้วยอุบาย
อย่างนี้ จึงสำรวมการเดิน สำรวมการยืน สำรวมการนั่ง สำรวมการนอน
ย่อมตั้งสติเดิน ตั้งสติยืน ตั้งสตินั่ง ตั้งสตินอน ทำเหมือนภิกษุมีสมาธิเดิน
ทำเหมือนภิกษุมีสมาธิยืน ทำเหมือนภิกษุมีสมาธินั่ง ทำเหมือนภิกษุมี
สมาธินอน และทำเหมือนภิกษุที่เจริญอาปาถกฌาน (เจริญฌานต่อหน้า
พวกมนุษย์) การดังใจทำ การทำ ก้าวดำรงอิริยาบถ ความทำหน้ายู่ยี่
ความเป็นผู้มีหน้ายู่ยี่ ความหลอกลวง กิริยาที่หลอกลวง ความเป็นผู้
หลอกลวง เห็นปานนี้ เรียกว่า วัตถุแห่งความหลอกลวงกล่าวอันตราย
อิริยาบถ.

วัตถุแห่งดงามหลอกลวงกล่าวด้วยการพูดเลียบเคียงเป็นไฉน ?
ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนา
ครอบงำ มีความประสงค์ในการยกย่อง คิดว่า ประชุมชนจักยกย่องเรา
ด้วยอุบายอย่างนี้ จึงกล่าววาจาอิงอริยธรรม คือ พูดว่า สมณะใดทรงจีวร

อย่างนี้ สมณะนั้นมีศักดิ์มาก สมณะใดทรงบาตรอย่างนี้... ทรงภาชนะ
โลหะอย่างนี้ ... ทรงธมกรกอย่างนี้ .. . ทรงผ้ากรองน้ำอย่างนี้ ... ถือ
ลูกกุญแจอย่างนี้... สวมรองเท้าอย่างนี้. .. ใช้ประคดสำหรับคาดกาย
อย่างนี้... ใช้สายโยกบาตอย่างนี้ สมณะนั้นมีศักดิ์มาก พูดว่า สมณะ
ใด มีอุปัชฌายะอย่างนี้ มีอาจารย์อย่างนี้ ... มีพวกร่วมอุปัชฌายะอย่าง
นี้ ... มีพวกร่วมอาจารย์อย่างนี้ ... มีมิตรอย่างนี้ ... มีพวกอย่างนี้ ...
มีพวกที่คบกันมาอย่างนี้ ... มีสหายอย่างนี้ ... สมณะนั้นมีศักดิ์มาก
พูดว่า สมณะใดอยู่ในวิหารเช่นนี้ ... อยู่ในเรือนมีหลังคาแถบเดียว
อย่างนี้ ... อยู่ในปราสาทอย่างนี้ ... อยู่ในเรือนมีหลังคาโล้นอย่างนี้...
อยู่ในถ้ำอย่างนี้ ... อยู่ในที่เร้นอย่างนี้ ... อยู่ในกุฎีอย่างนี้ . . . อยู่ใน
เรือนยอดอย่างนี้ ... อยู่ในซุ้มประตูอย่างนี้ ... อยู่ในโรงกลมอย่างนี้ ...
อยู่ในโรงที่พัก (ปะรำ) อย่างนี้ ... อยู่ในศาลาที่ประชุมอย่างนี้ ... อยู่
ในมณฑปอย่างนี้ ... อยู่ที่โคนต้นไม้อย่างนี้... สมณะนั้นมีศักดิ์มาก
อีกอย่างหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้วางหน้าเฉยเมย ทำหน้ายู่ยี่ หลอกลวง ปลิ้นปล้อน
ตลบตะแลง อันผู้อื่นสรรเสริญ ด้วยความที่ตนวางหน้าว่า สมณะนี้ได้
วิหารสมบัติอันมีอยู่เห็นปานนี้ ภิกษุนั้น ย่อมกล่าวถ้อยคำเช่นนั้น อัน
ปฏิสังยุตด้วยโลกุตรธรรม และนิพพาน อันลึกลับ สุขุม ละเอียด ปิดบัง
ความท่าหน้ายู่ยี่ ความเป็นผู้มีหน้ายู่ยี่ ความหลอกลวง กิริยาที่หลอกลวง
ความเป็นผู้หลอกลวง เห็นปานนี้ เรียกว่า วัตถุแห่งควานหลอกลวง
กล่าวด้วยการพูดเลียบเคียง.

วัตถุแห่งความหลอกลวง 3 อย่างนี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้
แล้ว ทรงละ ตัดขาด ระงับแล้ว ทำไม่ให้ควรเกิดขึ้น เผาเสียแล้ว

ด้วยไฟคือญาณ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตรัสรู้แล้ว จึงชื่อว่า
ผู้ไม่หลอกลวง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้ไม่หลอกลวง

ว่าด้วยพระพุทธเจ้าทรงเป็นพระคณาจารย์


[898] คำว่า ผู้มาเป็นพระคณาจารย์ ความว่า พระผู้มีพระภาค-
เจ้าชื่อว่า คณี เพราะอรรถว่า มีคณะ พระผู้มีพระภาคเจ้าชื่อว่า เป็นคณี
เพราะอรรถว่า เป็นพระคณาจารย์ ชื่อว่า เป็นคณี เพราะอรรถว่า เป็น
พระศาสดาของคณะ ชื่อว่า เป็นคณี เพราะอรรถว่า พระองค์ทรงบริหาร
คณะ ชื่อว่า เป็นคณี เพราะอรรถว่า พระองค์ตรัสสอนคณะ ชื่อว่า เป็น
คณี เพราะอรรถว่า พระองค์ทรงพร่ำสอนคณะ ชื่อว่า เป็นคณี เพราะ
อรรถว่า พระองค์มีความองอาจเสด็จเข้าไปสู่คณะ ชื่อว่า เป็นคณี เพราะ
อรรถว่า คณะย่อมฟังด้วยดีต่อพระองค์ เงี่ยโสตลงฟัง เข้าไปตั้งจิตเพื่อ
ความรู้ ชื่อว่า เป็นคณี เพราะอรรถว่า พระองค์ยังคณะให้ออกจากอกุศล
ให้ตั้งอยู่เฉพาะในกุศล. ชื่อว่า เป็นคณีของคณะภิกษุ ชื่อว่า เป็นคณีของ
คณะภิกษุณี ชื่อว่า เป็นคณีของคณะอุบาสก ชื่อว่า เป็นคณีของคณะ
อุบาสิกา ชื่อว่า เป็นคณีของคณะพระราชา ชื่อว่า เป็นคณีของคณะ
กษัตริย์ ชื่อว่า เป็นคณีของคณะพราหมณ์ ชื่อว่า เป็นคณีของคณะแพศย์
ชื่อว่า เป็นคณีของคณะศูทร ชื่อว่า เป็นคณีของคณะเทวดา ชื่อว่า เป็น
คณีของคณะพรหม พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้มีหมู่ มีคณะ เป็นพระคณา-
จารย์ เสด็จมา เข้ามา เข้ามาพร้อม ถึงพร้อมแล้วซึ่งสังกัสสนคร เพราะ-
ฉะนั้น จึงชื่อว่า ผู้ไม่หลอกลวง ผู้มาเป็นพระคณาจารย์.